หลายคนอาจจะมีความเชื่อผิดๆๆว่า กินผักแล้วผอม จนหลายคนอุตส่าห์ยึดสลัดเป็นอาหารจานหลักทุกมื้อ แต่สัดส่วนต่างๆก็ไม่ลด ที่สำคัญ พุงไม่ยักกะยุบ แม้ว่าจะทุ่มเวลา ออกกำลังกายหนักหน่วง ..น้ำหนักก็ยังเกินพิกัด อยู่ดี ชุดเก่งหลายชุดไม่สามารถนำมาสวมใส่ได้แล้ว จนน่าเสียดายกันไปตามๆๆกัน
“เรื่องการลดน้ำหนักกับการขจัดไขมันเป็นหัวข้อที่เป็นหลายคนให้ความสนใจ และสงสัยกันมาก เพราะว่า มันไม่ได้เป็นไปตาม ตรรกะที่ควรจะเป็นซะเท่าไหรครับ เช่นว่ากินน้อยน่าจะผอมก็ กลับไม่ผอม กินมากกินบ่อย ก็กลับผอมซะก็มีครับ ”
วันนี้จะลองมาขุดลึกถึงสาเหตุหลักสำคัญของปัญหาความอ้วน ที่หนักอกหนักใจของใครหลายๆๆคนให้ฟัง กันครับ
“ปัญหานี้ จริงๆๆต้องเกรินให้ฟังกันก่อนครับ ว่าอดีต และปัจจุบันไม่เหมือนกัน เพราะไลฟ์สไตล์คนเราเปลี่ยนทุกปี ฉะนั้นก็จะพบปัญหาความอ้วนของคนแต่ละยุคไม่เหมือนกัน หลายความเชื่อ บางอย่างที่เราเคยเชื่อหรือปฏิบัติกันมากลับไม่ได้ผล หรืออาจจะไม่ถูกต้อง หรือเสียสุขภาพไปเลย ประเด็นแรกที่จะกล่าวคือ
เรื่องของอาหาร เนื่องจากเชื่อกันว่าคนที่มีไขมันหรือน้ำหนักตัวเกิน เพราะมีแคลอรี่ เข้ามาในตัวเยอะ และก็ใช้น้อย เราเข้าใจตรงไปตรงมา ดังนั้นเมื่อกินผลไม้ซึ่งแคลอรี่ต่ำ ก็น่าจะผอม เป็นเหตุเป็นผลที่น่าเป็นความถูกต้องตามนั้น ไม่น่าซับซ้อนใช่มั้ย แต่ทำจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่เสมอไปครับ ขณะเดียวกันเราพบว่าบางคนนี้กินเยอะกว่าเรา แต่ผอมกว่าเรา ทำไมเรากินน้อยกว่าเค้าคนนั้นในเวลาเดียวกันด้วยซ้ำ เรากลับยังอ้วนอยู่ และจริงๆๆอะไรคือความจริง เรามาไล่ดูกันเลยดีกว่าครับ ว่าอะไรคือความจริง เพื่อการลดความอ้วนหรือคุมน้ำหนักอย่างถูกต้อง
กินน้อย น้ำหนักเพิ่ม ตัวแปรที่ทำให้อ้วนไม่ใช่ปริมาณอาหารที่กินแต่เพียงอย่างเดียวครับ หากแต่คือว่า ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองกับอาหารนั้นๆ อย่างไรมากกว่าครับ ตัวสำคัญคือ ฮอร์โมน (hormone) การกินแป้งกับน้ำตาลสำหรับคนบางคนดูเหมือนไม่กระทบกระเทือนกับน้ำหนักเขาเลย เพราะร่างกายเขาสามารถจัดการกับคาร์โบไฮเดรตส่วนเกิน ขับออกไปได้ แต่บางคนแค่ขนมนิดเดียว เกิดอาการตั้งแต่ท้องอืด ป่องมาเลย และน้ำหนักก็ขึ้นตอนเย็น อ่อนไหวไปหมดแม้ว่าเป็นอาหารเล็กๆๆน้อยๆๆก็ตาม จนทำให้คิดไปว่า เหมือนกับตัวเองเป็นอะไรนะ ทำไมทานอะไรหน่อยก็ น้ำหนักเพิ่มแล้ว
จริงๆๆแล้วนะครับ ร่างกายคนเราจะมีกลไกสำคัญคือ อินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวคุมแป้งกับน้ำตาล เป็นตัวทำให้เรารู้เกี่ยวกับเบาหวานได้ด้วยครับ เราพบว่าร่างกายของคนที่มีอินซูลินเกินจะมีการดูดคาร์โบไฮเดรตได้มากกว่าคนปกติ และสามารถเอาไปเก็บได้เยอะว่าคนปกติ กับคนอีกกลุ่มที่มีอินซูลินค่อนข้างน้อย พอร่างกายได้รับอาหาร ที่ทานเข้าไป 100 ส่วน ก็สามารถดูดเก็บได้แค่ 50 ส่วน และอีก 50 ส่วน แทนที่จะไปเก็บในไขมัน กลับเอาไปเผาผลาญต่ออีก กลายเป็นคนมีระบบการเผาผลาญอาหารสูง ก็เลยเป็นผลทำให้ คนคนนี้ กินเท่าไรก็จะไม่อ้วน
ยิ่งอด ยิ่งอ้วน งงกันเลยใช่ไหมครับ แต่เชื่อว่าเพือนๆๆหลายท่านเจออยู่กับตัวเองเลยตอนนี้ และเพื่อนๆๆ หลายคนยอมอดมื้อเย็น งดแป้งและโปรตีน กินเพียงผักผลไม้ แต่ว่าน้ำหนักก็ไม่ลดสักทีนะครับ มันไม่ใช่จำนวนแคลอรี่เท่านั้น มันมีเรื่องจำนวนมื้ออาหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บางคนไม่กินอาหารเช้า ร่างกายก็จะมีความรู้สึกว่าแคลอรี่ไม่พอตั้งแต่เช้า ซึ่งคนเหล่านี้คิดว่าลดไปแล้วตอนเช้าก็มาบวกตอนเย็นแทน หรือบางคนกินมื้อเช้าเยอะ แต่หลังเที่ยงไม่แตะ มันก็จะมีความเสี่ยง เช่นกันครับ ก็คือว่า คนที่ทานมื้อเดียวต่อวัน ร่างกายก็จะมีแคลอรี่ดีช่วงหนึ่ง อีกครึ่งวันก็จะไม่ดี ในระยะยาวพบว่าร่างกายจะมีการปรับตัวเข้าสู่ สภาวะของการ จำศีล มากขึ้นครับ และกลายเป็นว่า ร่างกายซึ่งโดยควบคุมด้วยสมอง สั่งการให้ลดกระบวนการ เผาผลาญอาหารลงแทนครับ และเมือไหรที่เราทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะสั่งให้ทำการเผาพลาญ และสั่งให้เก็บสะสมไขมัน ไว้ทันทีครับ เรียกง่ายๆๆ ว่าสะสมไว้หากว่าร่างกายต้องเจอภาวพการอดอาหารเข้าอีก เรียกว่าอาการกลัวตายครับ จะเห็นได้เลยว่า ร่างกายเราจะฉลาดมากๆ ครับ
คราวนี้ หากว่าถ้าจะให้ร่างกายเผาผลาญดี ต้องค่อยหยอดเติม ไม่ใช่แบบตักเติม เพราะร่างกายไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น รู้แต่ว่าอยู่ๆ แคลอรี่ไหลเข้ามา ก็เก็บไว้ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ก็ต้องเอาตัวรอดให้มากที่สุด เพราะงั้นวิธีการที่จะทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีที่สุด ต้องให้ร่างกายรู้สึกเป็นผ่อนคลายกังวล และเป็นมิตรกัน ให้อาหารเข้ามาน้อยๆๆ แต่เข้า ไปเรื่อยๆ ให้พลังงานเข้าเรื่อยๆ เขาก็จะรู้ว่าเขาต้องเผาผลาญตลอด ไม่ใช่มาแบบพายุ แล้วก็หายไปอีกนะครับ จะอธิบายง่ายๆๆว่า การผูกมิตรกับระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย พร้อมแนะการแบ่งมื้ออาหารอย่างถูกต้องนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยครับ มาเริ่มกันเลยครับ ปรกติโดยทั่วไปเราทานอาหาร 3 มื้อ แต่ขอให้ตรงเวลา และง่ายๆ ก็คือ ถ้าระหว่างมื้อใดมื้อหนึ่งห่างกันมาก เช่น เกิน 6 ชั่วโมง ก็แนะนำให้หาผลไม้ หรือ healthy snack รองท้องสักนิดครับ จะได้ไม่โหยอาหารมากเกินไปในมื้อถัดไปครับ
มาถึง กินแต่ผัก แต่กลับไม่ผอม
นอกจากพวกเรา ควรกินอาหารครบทุกมื้อแล้ว ขอกำชับอีกนิดด้วย ว่าควรกินให้หลากหลายด้วย ไม่ใช่กินเฉพาะผักผลไม้ โดยไม่แตะแป้ง โปรตีน หรือไขมันเลย ตามที่เชือกันมาครับ แต่ก็ต้องเข้าใจกันด้วยครับ ว่า กินผักผลไม้แล้วจะผอม 1-2 ปีแรกได้ แต่หากกินแบบนี้ไปนานๆ ขาดโปรตีน ขาดวิตามิน คือ วิตามินที่มีอยู่ในผักไม่ขาด จะไปขาดวิตามินที่อยู่ในโปรตีน และเมื่อกินแต่ผักผลไม้ ก็จะขาดพวกโปรตีนไขมัน สิ่งสำคัญสำหรับ คนเราหากว่าพอไม่กินไขมันโปรตีน สิ่งแรกที่จะฟ้องคือ ผิวพรรณเราครับ จะไปก่อนเลย ผอมก็จริง แต่สุขภาพไม่ดี ใช้ชีวิตกินลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะมีปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้ แพ้โน่นแพ้นี่ได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆครับ ที่สำคัญ แก่เกินไวกันแน่นอนครับ ยกเว้นคุณจากเสริมโปรตีนจาก พืชกลุ่มอื่นๆๆเข้ามาแทน ได้บ้างครับ
จริงจะบอกว่า หลักการไม่ได้ยากอะไรมากนักครับ คือแทนที่จะเลือกกินนี่ ไม่กินโน่น ควรไปเน้นการบริหารจัดการเรื่องความถี่และปริมาณอาหาร.ชนิดอาหาร .นี่คือหลักการลดน้ำหนักที่ถูกต้องครับ “เพราะสุดท้ายแล้ว ต้องกินหลากหลาย หลายๆๆ อย่างที่มีผลดีต่อสุขภาพ”
นอนน้อย พังทั้งระบบ
หลายคนไม่เข้าใจว่าการนอนมีความสำคัญมาก ในชีวิตประจำวันคนทุกวันนี้นอนไม่เป็นเวลา เนื่องจากว่า เรามีทีวีเข้ามา มีอินเทอร์เน็ตเข้ามา มีคอมพิวเตอร์ เข้าม ฮอร์โมนที่เร่งการเผาผลาญส่วนใหญ่ทำงานช่วงกลางคืนแทบทั้งนั้นเลยครับ ดังนั้นในกรณีที่ร่างกายไม่นอนช่วงกลางคืน ฮอร์โมนที่เร่งการเผาผลาญจะ ลดลงหรือว่า อาจแทบหยุดการทำงานลงไปเลยครับ พอมาถึง ตอนเช้าเราตื่นมา ทำให้ ระบบการเผาผลาญก็แย่ตามมาด้วยอีก ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เลยครับ คนที่มีปัญหาเรื่องการนอนจะมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้น และยิ่งถ้าเป็นเบาหวานและนอนไม่ดีด้วยก็คุมยากเพิ่มขึ้นเป็น 2หรือว่า 3 เท่ากันเลยครับ อธิบายง่ายๆๆตรงไปตรงมาก็คือ กลางคืนแทนที่ร่างกาย จะได้เผาผลาญ ก็กลับไม่ได้ทำงาน
รู้มั้ยครับว่า แค่เรานอนหลับสนิทดีในช่วงเวลากลางคืน ร่างกายจะเผาผลาญทั้งคืน ร่างกายเผาพลาญไปได้ตั้ง 800-900 แคลอรี่เลยที่เดียวครับ แต่ในขณะที่เราออกไปวิ่งเหงื่อออกโชกตั้งนาน รู้ไหมครับ คุณเผาพลาญแค่ 400 แคลอรี่ เท่านั้นเอง
คนที่นอนตรงเวลาและหลับสนิท น้ำหนักจะค่อนข้างนิ่งกว่า
“การนอนหลับไม่สนิท ร่างกายก็ไม่เผาผลาญ เพราะร่างกายมึนงงว่าจะพักก็ไม่พัก ร่างกายจะกังวล หลับๆ ตื่นๆ ร่างกายมนุษย์ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้วว่าต้องเป็นสัตว์กลางวัน นอนกลางคืน คนรุ่นก่อนนอนกลางคืน ไม่มีทีวี ไม่มีเน็ต ไม่มีเฟสบุ๊คให้เล่น ไม่มีเกมส์ให้เล่น ร่างกายกลับแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายๆ คุณภาพชีวิตดี ไม่อ้วนง่าย การเผาผลาญดี ตื่นมาแต่เช้าตักบาตร เข้าสวน ได้ออกกำลังกาย สูดอากาศดีดี กินอาหารปลอดสารดีดี กันตั้งแต่เช้า
อย่างที่บอกข้างต้นครับว่าไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนไป ยิ่งชีวิตคนเมืองหลวงยิ่งเร่งรีบ และเปลี่ยนแปลไปมาก เราคิดว่ากลางคืนทำงานได้ดีกว่า ไม่มีโทรศัพท์มากวนประสาท กลางวันยุ่งจัง ไม่มีสมาธิทำงาน ซึ่งไลฟ์สไตล์แบบนี้ส่งผลกระทบกับสุขภาพของเรา อย่างมากเลยครับ จนเราอาจไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็ล้มหมอน นอนเสื่อกันไปแล้ว
อีกอย่างที่อยากจะบอกกันตรงนี้เลยว่า เวลานอน ก็นอนจริงจังนะครับ อย่าเปิดไฟเปิดทีวีค้างไว้ จริง ไม่ควรเอาทีวีไว้ห้องนอนด้วยซ้ำ แสงส่งผลกระทบ เยอะครับ และเมื่อถึงเวลาพักผ่อนสมอง ยิ่งเปิดไฟไว้ เพราะว่าปรกติร่างกายต้องนอนหลับในที่มืด ตามพฤติกรรมหลักเราครับ ไม่งั้น สมองมันไม่รู้สึกว่าได้พักผ่อนจริงๆๆ และจะไปกระทบต่อนาฬิกาชีวิตของร่างกายเราด้วยครับ พอไม่ดีปุ๊บมันรวนขึ้นมาก มันก็ทำให้สมองเราไม่สมดุลไปด้วย จะแย่ไปกันใหญ่ครับ งานวิจัยหลายๆๆฉบั้บ บอกไว้เลยครับว่า การนอนน้อยเป็นการสร้างความเครียดให้สมองมาก กว่าปกติ และอาจทำให้เกิดอาการ ซึมเศร้าง่าย จะเห็นว่าคนที่ทำงานเยอะๆ นอนน้อย จะเครียดซึมเศร้า และมีจิตใจหดหู่ไม่ค่อยร่างเริ่งสดใสนักครับ
ดังนั้น เราต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับการพักผ่อนนอนหลับตอนกลางคืนแล้วล่ะครับ เพื่อได้ประโยชน์จากช่วงการเผาผลาญที่ดีที่สุดอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องวิ่งออกกำลังกายให้เหงื่อโซกก็ได้เผาพลาญไปได้ตั้ง เกือบพันแคลลอรี่กันเลยที่เดียวครับ
ออกกำลังกายมาก ทำให้ร่างกายบวม
เมื่อก่อนเราคิดว่าออกกำลังกายเยอะ ก็เผาผลาญเยอะยิ่งดี แต่ตอนนี้พฤติกรรมคือ เล่นไม่ถูก และเล่นมากเกิน ผิดท่าผิดทาง สิ่งที่เกิดคือ ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ พอร่างกายอักเสบ ร่างกายก็จะบวม และชะลอการเผาผลาญ เพราะฉะนั้นกลายเป็นว่ายิ่งเล่น น้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้น มีคนเล่นหนักมากและแทบไม่ได้พัก บวกกลางคืนไม่ค่อยได้นอน ตอนเช้าก็กลับมาเล่นต่อ กล้ามเนื้อไม่ได้พักผ่อน ก่อให้เกิดการอักเสบ อย่างนี้ก็ถือว่าเกินความเหมาะสมพอดีไปครับ
การออกกำลังกายคือ การรักษาน้ำหนักที่ดีที่สุด แต่ลืมมองไปว่าถ้าในวันที่ตัวเองเครียดหรือพักผ่อนน้อย ก็ควรปรับการออกกำลังกายให้เหมาะกับร่างกายที่พักผ่อนน้อยด้วย เบาลง แต่มักโฟกัสว่ามาเล่นแล้ว ต้องเล่นให้หนัก เท่าเดิมที่เคยเล่นมา เล่นไม่หยุดพัก ตอนจบมันก็ล้ม ล้มก็คือ การเผาผลาญล้มทั้งระบบ ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่กินก็น้ำหนักขึ้นได้เลยครับที่นี้
มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนกำลังลดความอ้วนด้วยวิธีที่ผิด เข้มงวดอาหารการกินเกินไป กินแต่ผักผลไม้ ไม่แตะแป้ง-โปรตีน-ไขมัน เอาแต่ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง จนแทบไม่ได้พักผ่อน ละเลยการนอน นอนไม่เป็นเป็นเวลาบ้าง นอนหลับไม่สนิทบ้าง ซึ่งการดำเนินชีวิตแบบนี้ นี้นอกจากไม่ช่วยให้คุณผอมลงแท้จริงแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้จนเราคาดไม่ถึงครับ โดยส่วนตัวแล้วผมมักจะเดินสายกลางไว้เสมอครับ เช่นการออกกำลังกาย การทานอาหาร การใช้ชีวิต ตามหลักของพระพุทธศาสนา ทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสบาย ไม่กังวล ไม่เครียด วันนี้ทานเยอะหน่อย สังสรรค์กับเพื่อนๆๆบ้าง ไว้พรุ่งนี้หรือว่ามื้อถัดๆๆไป ก็จะลดปริมาณอาหารลง เพื่อให้ร่างกายได้พัก ได้กำลังของเสียตกค้างในเซลล์ ร่างกายออกไปก่อนบ้าง เที่ยวบ้าง พักผ่อนบ้าง ทานอาหารได้ทุกอย่างแม้รู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพบ้างเช่นอาหารกลุ่ม จั๊งฟู๊ตบ้าง แต่ก็ในปริมาณที่ควบคุมได้ เพื่อนทานอะไรก็ทานด้วยกับเค้าได้ ไม่สร้างความขัดแย้งหรือว่าแตกแยกในวงเพื่อนได้ ทำให้สร้างสุขได้ง่ายๆๆครับ ที่สำคัญ มีความสุข มีรอยยิ้ม ไม่เครียด แล้วทุกอย่างในร่างกายจะสมดุลของเค้าเองครับ แล้วเมือนั้น น้ำหนัก และสัดส่วนจะค่อยๆๆปรับเป็นปรกติเองในมิช้า เกินรอครับ
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น