เมื่อชีวิตของท่านได้เข้าสู่โลกของการปั่นจักรยานแล้ว
อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของจักรยานก็จะตามมามากมาย เช่น หมวก, แว่นตา,
เสื้อ, กางเกง, รองเท้าคลีท(Cleats),
ไฟส่องทาง(head ight), ไฟที่ทำให้คนเห็นเรา(“be seen”
light) ฯลฯ.. แต่เชื่อหรือไม่ว่าอุปกรณ์เสริมชิ้นเดียว
ที่มีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพในการปั่นของคุณคือ “ไมล์จักรยาน” นอกเหนือจากเจ้าคอมพิวเตอร์ตัวเล็กๆ
เครื่องนี้ อุปกรณ์เสริมที่เหลือ ไม่ได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณเลย มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าไมล์จักรยานกันเลยครับ
ตัวย่อค่าต่าง ๆ ในไมล์จักรยานมีอะไรบ้าง ตามนี้เลยครับ
DST (Distant) ระยะทางของทริปนั้น
AVG (Average) ความเร็วเฉลี่ย
MAX (Maximum) ความเร็วสูงสุดที่ทำได้
ODO (Odometer) ไมล์สะสม
CAL (Calories) จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไป
RTM (Riding Time) ระยะเวลาเดินทาง
KM/H ความเร็วในขณะนั้น
ไมล์จักรยาน
หรือที่เรียกว่า Cycle computer, Cyclocomputer ถูกคิดค้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี
1895 หรือ กว่า 130 ปีมาแล้ว โดยบริษัทที่ืชื่อว่า Veeder โดย
ไมล์จักรยาน รุ่นแรกเรียกว่า Cyclometer ฟังชั่นเดียวของเจ้า Cyclometer
คือ การวัดระยะทางปั่น หรือวัดไมล์ การทำงานของมันคือ
มันจะวัดรอบการหมุนของล้อ เพื่อคำนวณออกมาเป็นระยะทางการปั่น ซึ่งปัจจุบัน Veeder
ก็ไม่ได้ทำไมล์จักรยานแล้ว
แต่กลายเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านอุปกรณ์และการบริหารการขนส่งน้ำมันหลังจากนั้นไมล์จักรยานก็ได้มีการพัฒนาเรื่อยมา
จากที่เคยวัดได้แค่ระยะทาง ก็วัดความเร็วได้ วัดรอบขาได้ วัดอัตราการเต้นหัวใจได้
และล่าสุด สามารถวัดพลังงานที่เราใช้ปั่นได้
โดยสามารถวัดแยกพลังที่เกิดจากขาซ้าย/ขวา แยกกันได้ด้วย มันสุดยอดจริงๆ!!
ไมล์จักรยานนั้นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับท่านที่ต้องการปั่นจักรยานอย่างจริงจัง
และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เพราะไมล์จักรยานจะทำให้เรารู้ว่าการออกแรงปั่นของเรานั้นเป็นไปอย่างไรบ้าง
โดยสิ่งที่ไมล์จักรยานแบ่งเป็น 2 แบบคือ Wired กับ
Wireless ความแตกต่างก็คือตัว Wired จะต้องต่อสายจากตัววัด
(วัดรอบขา, วัดความเร็ว) เข้าไปที่เครื่อง ส่วนตัว Wireless
จะส่งสัญญาณแบบไร้สาย สิ่งที่ไมล์วัดได้หลักๆก็มี 5
อย่างคือ
1.รอบขา(Cadence)
2.ความเร็ว
3.ระยะทางที่ปั่น
4.อัตราการเต้นหัวใจ(Heart rate, HRM)
5.กำลังที่ใช้ปั่น(Power meter)
ซึ่งไม่ใช่ไมล์จักรยานทุกรุ่นจะวัดข้อมูลทั้ง
5 นี้ได้หมด ยิ่งรุ่นแพงๆ
ก็จะวัดได้มากกว่ารุ่นถูก รุ่นสำหรับผู้เริ่มต้นจะวัดได้แค่ 3
ข้อแรก(800-2,000) รุ่นสูงขึ้นมาหน่อยก็สามารถวัด HR(2,000-4,000)
และรุ่นแพงสุด(4,000-20,000) ก็จะวัดกำลังปั่นได้ แถมบางรุ่นก็มี GPS
ในตัวด้วย ในรุ่นที่มีราคาสูงบางตัวสามารถ sync ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์และ
upload ขึ้นเวป
หรือโปรแกรมซึ่งจะบันทึกข้อมูลสถิติการปั่นอย่างละเอียด นอกจากนั้นยังสามารถ upload
ขึ้น Apps ต่างๆ เช่น Runtastics, Strava หรือ
Endomondo ได้อีกด้วย
ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย
และหาซื้อได้ง่ายก็มี Cat eye, Sigma, Node และ
Garminซึ่งไมล์จักรยานที่ผมคิดว่าดีที่สุดในปัจจุบันคือ
Garmin เพราะสามารถวัดค่าทุกอย่างได้(Power
meter ต้องซื้อเพิ่ม ราคาถูกสุดคือ 800$ หรือประมาณ
27,000 thb) แถมยังมี GPS และในรุ่นสูงที่ขึ้นต้นด้วยเลข
8 เป็นต้นไป จะมี navigator ด้วย
แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ Garmin connect ซึ่งเป็นเวปที่จะแสดงข้อมูลการปั่นของเราอย่างละเอียด
ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และพัฒนาการปั่นอย่างต่อเนื่อง แล้วยังมีการสร้าง
แผนการฝึก( workout plan ) ที่ค่อยช่วย monitor การปั่นของเรา
เราไม่ต้องคอยมานั่งดูว่าตอนนี้ต้องทำอะไร Garmin จะมีข้อความแสดงบอกชัดเจน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น