ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยกันไปแล้วสำหรับการเปิดตัว
“The Next Galaxy” ซึ่งสื่อมวลชนทั่วโลกต่างจับตามองและให้ความสนใจกันไม่ใช่น้อย
โดยในงานครั้งนี้จัดขึ้นที่กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
และก็สร้างความตื่นตะลึงด้วยการเปิดตัวพร้อมกันถึง 2
รุ่น ได้แก่ SAMSUNG
Galaxy S6 และ SAMSUNG Galaxy S6 edge ที่ผสมความเหมือนและผสานความต่างได้อย่างลงตัว
โดยรวบรวมความเป็นที่สุดของเทคโนโลยี SAMSUNG มารวมไว้ไม่ต่างกัน
SAMSUNG Galaxy S6 และ Galaxy S6 edgeวัสดุและดีไซน์ที่ล้ำยุค
งานเปิดตัวSAMSUNG
Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ทั้งสองมีสเปคที่แทบจะเหมือนกันเกือบทุกประการ
แต่จุดที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือกระจกแบบโค้ง (Edge Screen) ของ
Galaxy S6 edge ที่คล้ายคลึงกับ Galaxy Note Edge ที่เปิดตัวมาก่อนหน้า
และบริเวณขอบจอนี้เองจะช่วยสร้างประสบการณ์ใช้งานที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้น
จากในช่วงเวลา 2-3
ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจพอจะสังเกตได้ว่า SAMSUNG ได้ทุ่มเทไปที่วัสดุและการออกแบบมากขึ้นเรื่อยๆ
เน้นความหรูหราและวัสดุระดับพรีเมียม
งาน Unpacked 2015
การออกแบบทั้ง Hardware และ
Software ใหม่นี้ทาง SAMSUNG ยึดหลัก
“Design with Purpose” คือการมุ่งเป้าหมายไปที่การออกแบบต้องจบและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
โดยมีการปรับหน้าตาส่วนติดต่อผู้ใช้งาน (UI) ใหม่เกือบทั้งหมด
เพื่อให้ได้รูปแบบที่เรียบง่ายและสั้นกระชับสวยงาม
ส่วนในด้านวัสดุตัวเครื่องถูกผลิตมาให้แข็งแรงกว่าเดิมถึง 50%
และทนรอยขีดข่วนได้มากกว่าเดิมถึง 20% เนื่องจากใช้อลูมิเนียมแข็งแรงสูงเกรด
6013 (เกรดเดียวกับที่ใช้ทำรถยนต์ เครื่องบิน
และจักรยานเสือภูเขา) แทนที่จะใช้อลูมิเนียมเกรด 6063
ที่มีความแข็งแรงน้อยกว่า และสมาร์ทโฟนทั่วไปนิยมใช้กัน
หน้าจอ Galaxy S6 edge
กระจกทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังเป็น Corning®
Gorilla Glass® 4 รุ่นใหม่ล่าสุด และสำหรับ Galaxy S6 edge มีความพิเศษตรงที่กระจกบริเวณทั้งสองข้าง
(ซ้าย, ขวา)
โค้งลงด้วยเทคนิคการผลิตแบบพิเศษที่มีชื่อเรียกว่า 3D Thermoforming เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบโดย
SAMSUNG ด้วยการใช้สองแม่พิมพ์กดทับลงไปในกระจกที่ความร้อนสูง
800 องศาเซลเซียส
และใช้เครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง
จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการอีกมากมายกว่าจะได้มาเป็นกระจกหน้าจอ Galaxy S6
edge ชิ้นหนึ่ง
กล้องใหม่ที่ดียิ่งกว่า
สำหรับทั้งใน SAMSUNG Galaxy S6
และ Galaxy S6 edge มีกล้องหลังความละเอียด 16
ล้านพิกเซลพร้อมคุณสมบัติกันสั่น (OIS) และความละเอียดกล้องหน้าอยู่ที่ 5
ล้านพิกเซลขนาดใหญ่ ที่ทำให้รับแสงได้มากขึ้น (Larger Pixel) เท่านั้นยังไม่พอในกล้องทั้งสองนี้ต่างมีรูรับแสงที่กว้างถึง
F. 1.9 พร้อมคุณสมบัติ Real-Time HDR ที่จะทำให้สามารถถ่ายรูปในสภาวะแสงน้อยได้สว่างขึ้นถึง
60%
กล้อง Samsung Galaxy S6
เปรียบเทียบ iPhone 6 Plus
เมื่อเทียบกับคู่แข่ง จะพบว่า SAMSUNG
Galaxy S6 (ด้านขวา)
สามารถถ่ายรูปในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่ามาก และไม่จำกัดเพียงเฉพาะภาพถ่ายเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงการถ่ายวีดีโอในสภาวะแสงน้อยอีกด้วย
Samsung Galaxy S6 เปิดกล้องเร็ว
นอกจากนี้ยังไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญ
ด้วยความเร็วในการเปิดกล้องพร้อมถ่ายภายใน 0.7
วินาที รวมถึงการปรับจุดโฟกัส ให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุที่เคลื่อนไหว
ได้โดยอัตโนมัติ
เปิดตัว Samsung Galaxy S6
แบตอึดชาร์จเร็วขึ้นและใช้งานได้ยาวนาน
แบตเตอรี่ใหม่ของ SAMSUNG Galaxy S6
และ Galaxy S6 edge มีการพัฒนาไปอย่างมาก
ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนฝาหลังใหม่
มาเพื่อเป็นอุปกรณ์เสริมในการใช้งานร่วมกับการชาร์จไร้สายอีกต่อไป
เพราะทั้งสองรุ่นนั้นฝังไว้ภายในเครื่องมาให้เลย
อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไร้สายทั้งมาตรฐาน WPC และ
PMA ที่เป็นมาตรฐานสากลทั้งสอง
ในเครื่องเดียวอีกด้วย
Samsung Galaxy S6 Edge Wifi รวดเร็ว
ตัวเครื่องสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง
ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ตผ่าน WiFi, 3G หรือแม้กระทั่ง 4G LTE ทั้งหมดนี้เกิดจากระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
ที่ผสมผสานระหว่าง Hardware และ Software เข้าด้วยกัน
ทำให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น ในขณะที่กินไฟน้อยลง
Spec Samsung Galaxy S6
นอกจากนี้ความมหัศจรรย์ของระบบจัดการพลังงานใหม่นี้
ยังช่วยย่นระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ลดลง โดยหากชาร์จเพียงแค่ 10
นาที ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง
เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางเป็นประจำ หรือไม่อยากเสียเวลาไปกับการรอชาร์จแบตเตอรี่นานๆ
Samsung Galaxy S6 แบตอึด
และเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนของคู่แข่งแล้ว
สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าถึง 50%
เรียกได้ว่าหมดห่วงทั้งเรื่องแบตเตอรี่หมด และถึงแม้แบตเตอรี่จะหมด
ก็ยังสามารถชาร์จให้กลับมาเต็มได้ด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว
Samsung Galaxy S6 Edge, Galaxy S 6
ทั้งสวยงามและน่าใช้ขนาดนี้ !!!
เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มอยากได้กันแล้ว ทุกท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/samsungmobilethailand
หรือ http://www.samsung.com/th/home
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น